เมืองคาสิโน Las Vegas เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐเนวาดาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางการพนันที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีชื่อเสียงว่า “เมืองคาสิโน” หรือ “เมืองที่ไม่นอน” (The Entertainment Capital of the World, Sin City) เนื่องจากเป็นที่ตั้งของหลายๆ โรงแรมและคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในเมือง Las Vegas คาสิโนเป็นธุรกิจที่สำคัญและมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด คาสิโนใน Las Vegas มักมีอาคารที่ตั้งอยู่ในรูปแบบที่มีสไตล์และสถาปัตยกรรมที่หรูหรา นอกจากการเล่นพนันแล้ว ในLas Vegas ยังมีการแสดงต่างๆ เช่น การแสดงดนตรี การแสดงโชว์ การแสดงตลก และการแสดงสัตว์ประหลาด ที่นี่ยังมีร้านอาหารหลากหลายระดับมาก รวมถึงสถานที่ช็อปปิ้ง และสิ่งท่องเที่ยวอื่นๆ
เมือง Las Vegas เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีผู้คนจำนวนมากทั้งจากในและนอกประเทศ นอกจากการเล่นพนัน ท่องเที่ยวใน Las Vegas ยังสามารถเยี่ยมชมสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น ไลน์ส์แองเจลัส (The Las Vegas Strip) ที่เป็นถนนหลักที่มีคาสิโนและโรงแรมรายใหญ่อยู่เยอะ ไฮเทค (High Roller) ที่เป็นล้อใหญ่สูงสุดในโลก และแหล่งช้อปปิ้งที่มีร้านค้ามากมาย
Las Vegas เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการบันเทิงและความสนุกสนานที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งเป็นที่นิยมและน่าตื่นเต้นสำหรับนักเดินทางทั้งในและนอกประเทศ
Las Vegas ในอดีตเป็นชุมชนบนเส้นทางการค้าและฐานทัพชั่วคราวของทหารสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี 1905 เป็นเมืองทางผ่านรถไฟสาย Los Angeles มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ รวมถึงแหล่งคาสิโนผิดกฎหมาย
ต้นกำเนิดแห่ง Las Vegas
ที่ตั้งเมืองลาสเวกัสในปัจจุบัน คือจุดที่เรียกว่าทะเลทรายโมฮาวีซึ่งค่อนข้างแห้งแล้ง โดยในปี 1821 มีกลุ่มพ่อค้านักสำรวจ ที่เดินทางจากเม็กซิโกไปแคลิฟอร์เนีย ซึ่งระหว่างทางก็ตั้งแคมป์อยู่ในทะเลทรายโมฮาวี โดยมีนักสำรวจคนหนึ่งชื่อ ราฟาเอล ริเวียร่า ได้แยกตัวไปค้นหาแหล่งน้ำแล้วบังเอิญไปพบกับ โอเอซิสกลางทะเลทรายเข้าโดยบังเอิญ ทำให้สถานที่ที่ถูกค้นพบนี้กลายเป็นจุดแวะพักยอดฮิตในทะเลทรายโมฮวี และมีการตั้งชื่อเป็นภาษาสเปนว่า Las Vegasตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ยุคตื่นทองและเส้นทางรถไฟ
ในปี 1848 ค้นพบทองคำในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งข่าวเรื่องของทองกระจายรวดเร็วยิ่งกว่าไวรัส ผู้คนจากทั้งสหรัฐและต่างประเทศแห่กันมาขุดทองที่แคลิฟอร์เนียกว่า 3 แสนคน ลาสเวกัสที่เป็นเหมือนประตูบ้านของแคลิฟอร์เนียก็เริ่มคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่บูมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากเหล่านักขุดทองที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ
แม้ถึงยุคตื่นทองจะจบลงไปแต่ยุคอุตสาหกรรมก็เข้ามาแทนที่ มีการสร้างทางรถไฟโยงใยไปทั่วประเทศเพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต และในปี 1905 ก็มีการสร้างทางรถไฟจากเมือง Los Angeles ไป ซอลต์เลกซิตี้ ซึ่งบังเอิญว่าลาสเวกัสเป็นทางผ่านพอดิบพอดี กลายเป็นจุดแวะพักยอดฮิตอีกครั้งมีคนสัญจรไปมาในแต่ละวันนับหลายพันคน
เริ่มไม่มีระบบและระเบียบ
จากการที่มีคนจากหลายๆสถานที่หลากหลายประเทศผ่านไปผ่านมา ทำให้รัฐเวกัสเริ่มไม่ค่อยมีระบบระเบียบ มีนักลงทุนต่างๆเข้ามาทำธุรกิจสีเทาทั้งซ่องโสเภณีและร้านเหล้าเถื่อน รวมทั้งสถานบันเทิงหนีภาษี และยังมีแหล่งคาสิโนที่ผิดกฎหมาย กลายเป็นว่าภาพลักษณ์ของเมืองในฝันนี้ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถึงแม้เงินจะไหลเข้าเมืองเยอะแต่เกือบครึ่งหนึ่งเป็นเงินที่อยู่นอกระบบ อีกทั้งประชากรของเมืองก็มีน้อยมากแค่ประมาณ 800 คน ทำให้ร้านเฟอร์คัสเป็นเมืองที่ค่อนข้างเติบโตไปได้ช้า แต่ใครจะคิดว่าเมืองกลางทะเลทรายนอกกฎหมายที่ไม่ค่อยโตนี้ ในอนาคตจะเป็นเมืองที่โตแบบพรวดพราดขึ้นมาเพราะวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก
วิกฤตเศรษฐกิจของโลกสู่อนาคตของLas Vegas
ในปี 1929 ได้เกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำทั่วทั้งโลก พวกอเมริกันต่างตกงานกันเป็นว่าเล่น ซึ่งรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการให้คนมีงานทำเลยตัดสินใจทุ่มงบประมาณมหาศาลทำโครงการยักษ์ใหญ่ คือในปี 1931 มีการชั่งเขื่อนฮูเวอร์ ซึ่งเป็นเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ที่สุดในโลกตรงแม่น้ำโคโรลาโด
และมันก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกที่เขื่อนฮูเวอร์อยู่ห่างจากรักเวกัสแค่ 53 กิโลเมตร ผลงานต่างทยอยเข้ามาสร้างเขื่อนทำให้ช่วงนี้ประชากรในเมืองพุ่งขึ้นระดับ 10,000 คน แน่นอนว่าคนที่ทำงานหนักมาทั้งวันก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา ธุรกิจกลางคืนของลาสเวกัสเลยตอบโจทย์คนกลุ่มนี้แบบที่สุด
นักธุรกิจต่างตราลูกบ่าวเริ่มเห็นโอกาสการเติบโตของเมือง เลยได้เข้ามาลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมผสมผสานกับคาสิโน ได้มีการก่อตั้งคาสิโนแห่งแรกที่ถูกกฎหมายในLas Vegas ซึ่งตื่นตาตื่นใจทั้งคนงานและนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมา ดึงดูดผู้คนให้มาเข้าท่องเที่ยวจนกลายเป็นโซนธุงคืนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาแค่เพียง 5 ปีก็กลายเป็นดาวทาวน์หรือใจกลางความเจริญของลาสเวกัสไปในที่สุด
Las Vegas อาณาจักรแห่งบ่อนคาสิโน
ในปี 1941 ได้มีการเพิ่มโซนสำหรับธุรกิจกลางคืนที่เรียกว่าLas Vegas Strip ซึ่งได้รับผลตอบแทนที่ดีเพราะมีนักลงทุนมากหน้าหลายตาเข้ามาสร้างทั้งคาสิโนและสถานบันเทิงของตัวเองในย่านนี้ จนกลายเป็นแหล่งดาวทาวน์อีกแห่งหนึ่งของเมืองไปด้วย แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะอยู่ในกรอบทั้งหมด กำไรที่ได้จากการพนันเป็นกอบเป็นกำถูกกฎหมายดึงดูดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเข้ามาเปิดบ่อนคาสิโนด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้ลาสเวกัสนั้นเป็นเมืองที่ค่อนข้างกึ่งอันตรายเลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งสิ่งของที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายรวมอยู่ในที่เดียวกัน
ศูนย์รวมความบันเทิง
ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา จำนวนประชากรของลาสเวกัสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นหลักแสนคน และก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งในปี 2020 รัฐ Vegas มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 644,594 คน และตั้งแต่ในปี 2000 เป็นต้นมา ลาสเวกัสก็ได้ถูกขนาดนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งความบันเทิงของโลก มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยในหลัก 20 ล้านคน ซึ่งพีคสุดคือในปี 2019 โดยมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 42.5 ล้านคน
ส่วนในปี 2020 ที่เจอสถานการณ์โควิด 19 ก็ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 19 ล้านคน และในปี 2021 ที่เริ่มฟื้นตัวมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 32.2 ล้านคน เรียกได้ว่าแสงสีแห่งความบันเทิงของเมืองเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตามการที่จะเล่นคาสิโนบางครั้งก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเล่นที่ลาสเวกัสหรือบ่อนใหญ่ๆเสมอไป เพราะทุกวันนี้นักเดินกันทุกคนต่างมีมือถือติดอยู่กับตัวอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว สามารถเล่นเกมคาสิโนออนไลน์ได้โดยง่าย แถมยังไม่ต้องเสียเงินเดินทางไปเล่นที่บ่อนคาสิโนจริงอีก เว็บ AP123 มีให้บริการคาสิโนออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ มีความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ พร้อมกับมีความเสถียรภาพทางด้านการเงินที่สูง มั่นใจได้ 100% ว่าไม่มีการโกงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สมัคร AP123